การออกแบบระบบท่อเมนน้ำ
เกษตรกรหลายๆท่านที่คิดจะวางระบบท่อน้ำทางการเกษตรมักประสบกับปัญหาเรื่องแนวทางในการออกแบบบางครั้งอาจมีการว่าจ้างผู้ชำนาญการหรือวิศวกรมาวางระบบน้ำในสวนซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้มีอันจะกินในแง่ของความสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีเกษตรกรอีกหลายท่านที่คิดจะออกแบบระบบด้วยตนเองในที่นี้จะเสนอรูปแบบการวางระบบท่อเมนเพื่อเป็นแนวทางดังนี้
หลักการในการวางระบบท่อเมนระบบน้ำ
มีข้อกำหนดว่า ท่อเมนใหญ่เท่าไรก็ยิ่งดีเป็นหลักเพื่อลดโหลดของมอเตอร์ปั๊มน้ำและเพิ่มแรงดันในท่อเมนระบบน้ำ แต่โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรจะใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของปั๊มน้ำ เช่น ปั๊มน้ำขนาด 1แรงม้า ท่อทางดูดและท่อทางจ่ายออกมีขนาด1นิ้วจึงเลือกท่อเมน1นิ้ว หรือ ปั๊มน้ำขนาด 2-3แรงม้าท่อทางออกของหน้าปั๊ม 2นิ้วจึงใช้ท่อเมน 2นิ้ว เป็นต้นส่วนปั๊มที่มีขนาดใหญ่กว่านี้สำหรับใช้ในระบบการเกษตรแล้วขนาดท่อออกก็ไม่เกิน4นิ้ว แต่ปั๊มน้ำจะมี2ชนิด คือชนิดแรงดันสูงส่งน้ำได้ไกลและแรงดันปานกลางส่งปริมาณน้ำได้มากแยกตามชนิดของใบพัดมอเตอร์ขนาดปั๊มน้ำปกติทั่วไป ขนาด0.5-3แรงม้า ใช้ฟ้า220โวลต์ 4, 5.5และ7.5 แรงม้าใช้ไฟฟ้า 380โวลต์
ระยะทางในการวางท่อเมนระบบน้ำ
สำหรับระยะทางในการใช้ขนาดของท่อเมนนั้น ในระบบสวนที่ออกแบบระบบท่อเมนเป็นระบบวนลูปหรือท่อเมนเชื่อมต่อกันทั้งระบบจะไม่ค่อยมีปัญหา ในกรณีที่เกษตรกรเดินท่อเมนไปเส้นเดียวด้านปลายปิดแนะนำท่อเมนขนาด1นิ้ว ความยาวท่อเมนไม่ควรเกิน 80เมตร เดินท่อเมนขนาด2นิ้ว ความยาวท่อเมนไม่ควรเกิน 150เมตรเดินท่อเมนขนาด3นิ้ว ความยาวท่อเมนไม่ควรเกิน 300เมตรปัญหาที่พบเมื่อใช้ท่อเมนในระยะยาวมากกว่าที่กำหนดคือ มอเตอร์ปั๊มน้ำเสียบ่อยหรือขดลวดไหม้ ด้านปลายท่อแรงดันน้ำลดลงมาก ท่อเมนส่วนต้นทางเสียหายเนื่องจากแรงดันของปั๊มน้ำ
อุปกรณ์ลดการกระแทกของน้ำในท่อเมน โดยจะทำหน้าที่ในการลดการกระแทกของน้ำ (Water hammer)
ปกติแล้วเมื่อมอเตอร์ปั๊มน้ำทำงานจะสร้างกำลังอัดให้กับน้ำที่สูงและรวดเร็วมากดังนั้นจึงเป็นปัญหาของเกษตรกรที่ต้องซ่อมจุดข้อต่อต่างๆมีการรั่วซึมหรือชำรุดจากแรงดันน้ำดังกล่าว ในกรณีที่เกษตรกรฝังกลบท่อเมนมักจะมองไม่เห็นจุดรั่วซึม หรือเป็นการยากลำบากในการที่จะซ่อมแซม อีกทั้งยังทำให้มอเตอร์ปั๊มน้ำกินกระแสไฟฟ้าหรือรับภาระโหลดที่สูงขึ้นในช่วงสตาร์ท ดังนั้นเกษตรกรต้องติดตั้งระบบป้องกันการกระแทกที่ต้นทางหรือท่อทางออกของมอเตอร์และปลายทางท่อเมนเพื่อลดปัญหาเหล่านี้


1. pressure Relief valve เป็นวาล์ว ที่ทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันกับวาล์วนิรภัย (safety valve) กล่าวคือเมื่อความดันในท่อสูงกว่าที่กำหนดไว้ มันก็จะ เปิดกว้างออกและระบายน้ำทิ้งเพื่อลดความดันลง ความดันที่ตั้งไว้อาจควบคุมโดยสปริงหรือน้ำหนักก็ได้ อุปกรณ์แบบนี้เหมาะสำหรับท่อที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งการระบายน้ำทิ้งจะมีผลช่วยให้ลดความดันในท่อลงได้บ้าง


2. Air lnlet-relief valve เป็นวาล์วที่จะเปิดให้อากาศไหลเข้ามาในท่อโดยอัตโนมัติเมื่อความดันในท่อต่ำกว่าความดันของบรรยากาศ ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้ท่อแบนลง อุปกรณ์ดังกล่าวนี้ยังใช้สำหรับระบายอากาคออกจากท่อด้วย โดยการติดตั้งไว้หลังท่อในบริเวณที่อยู่สูงกว่าแนวท่อส่วนอื่น อากาศที่ติดมากับน้ำก็จะไหลเข้าไปในอุปกรณ์นี้แล้วทำให้ลูกลอยลดระดับลงวาล์วเปิดและอากาศก็จะถูกระบายออกไป การที่จำเป็นต้องระบายอากาศในท่อออกไปก็เพราะว่าถ้าความเร็วของการไหลไม่มากพอโพรงอากาศในท่อจะเป็นสิ่งกีดขวางการไหลโดยทำให้การไหลในช่วงดังกล่าวมีลักษณะเป็นการไหลในทางน้ำเปิดแทนที่จะเป็นการไหลเต็มท่อ


3. Air chamber เป็นอุปกรณ์ช่วยลดความรุนแรงของวอเตอร์แฮมเมอร์อีกแบบหนึ่งที่มีลักษณะเป็นถังบรรจุอากาศต่อเข้ากับหลังท่อ อากาศในถังซึ่งยืดหดตัวได้ดีกว่าน้ำก็จะทำหน้าที่ผ่อนคลายความรุนแรงลงเมื่อมีความดันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันนอกจากนั้นอุปกรณ์ชนิดนี้ยังใช้ต่อเข้ากับด้านจ่ายของปั๊มแบบสูบชักก่อนส่งน้ำเข้าสู่ระบบ เพื่อให้การไหลสม่ำเสมอตลอดเวลาอีกด้วย


4. surge suppressor เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับ Air chamber แต่แทนที่จะใช้อากาศเป็นตัวผ่อนคลายแรงดันก็เปลี่ยนไปใช้สปริงแทน อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้กับท่อขนาดเล็ก เช่น ท่อน้ำใช้ในบ้านมากกว่าที่จะใช้กับระบบท่อขนาดใหญ่

5. surge Tank เป็นถังช่วยลดความดันที่เพิ่มขึ้นจากวอเตอร์แฮมเมอร์ในระบบขนาดใหญ่ซึ่งมีทั้งประเภทเปิดดัานบนของถังเเละแบบปิด สำหรับแบบเปิดนั้นความสูงของถังจะต้องมากพอที่จะไม่ให้น้ำไหลล้นออกมาได้ ส่วนในแบบปิดจะมีลักษณะคล้ายกับ Air chamber แต่มีท่อขนาดเดียวกันกับท่อส่งน้ำเป็นตัวจ่ายน้ำเข้าไปในถังอีกทีหนึ่ง การลดความรุนแรงของความดันจะถูกควบคุมโดยการไหลของน้ำเข้าไปใน surge Tank และการยืดหดตัวของอากาศในถัง
ในระบบท่อส่งน้ำที่มีความยาวมากและมีความลาดเทสูงขึ้นจากปั๊มหรือท่อไม่ยาวมากแต่มีความลาดเทจากปั๊มชันมาก การติดตั้งเชควาล์วประเภทไม่ปิดกระ ทันหัน (Non-slam) ซึ่งออกแบบให้ปิดเมื่อความเร็วเป็นศูนย์ คือไม่เปิดโอกาสให้น้ำในท่อไหลย้อนกลับมาก็จะช่วยลดวอเตอร์แฮมเมอร์ลงได้ นอกจากนั้น ถ้าหากก่อนเดินเครื่องสูบน้ำปริมาณน้ำในท่อยังมีอยู่ไม่เต็มเมื่อเริ่มเดินเครื่องควรจะเปิดประตูจ่ายน้ำเพียง 3/4 ของอัตราการสูบที่ต้องการต่อเมื่อมีน้ำบรรจุเต็มท่อแล้วจึงค่อย ๆ เปิดประตูน้ำเพิ่มขึ้น วิธีที่กล่าวนี้จะช่วยลดความดันจากวอเตอร์แฮมเมอร์ลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้นกำลังเป็นมอเตอร์ซึ่งมีรอบคงที่ตลอดช่วงการทำงาน
ขนาดท่อน้ำที่ให้น้ำผ่านได้มาตรฐาน
ขนาดของท่อ (นิ้ว)
|
ปริมาณน้ำผ่าน(ม3/ชม.)
|
ปริมาณน้ำผ่าน (ลิตร/ชม.)
|
1
|
6
|
6000
|
1.5
|
10
|
10000
|
2
|
18
|
18000
|
3
|
35
|
35000
|
4
|
60
|
60000
|
จากตาราง เป็นปริมาณอัตราการไหลผ่านของน้ำสูงสุดซึ่งในการติดตั้งระบบจริงจะน้อยกว่านี้
ชนิดของท่อเมนระบบน้ำเพื่อการเกษตร
แบ่งได้ 5 ประเภท

1. ท่อประปาเหล็กอาบสังกะสี ทำจากเหล็กกล้าซึ่งเป็นสนิมได้ยาก ผ่านการอาบ สังกะสี สามารถทำเกลียวได้ง่าย ท่อเหล็กอาบสังกะสี ส่วนใหญ่จะผลิต มายาว 6 เมตร ปลายท่อทำเกลียวมาให้พร้อม มีแบบหนาปานกลาง ที่ท่อจะคาดสีน้ำเงิน และอย่างหนาที่ท่อคาดสีเหลือง
ข้อดี มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันและอุณหภูมิที่สูงๆ เช่น เครื่องทำน้ำร้อน
ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง ถ้าใช้ไปนานๆ อาจเกิดสนิม ได้ โดยเฉพาะที่ฝังอยู่ในดิน อาจเป็นอันตราย ถ้านำน้ำในท่อ มารับประทาน
ข้อดี มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันและอุณหภูมิที่สูงๆ เช่น เครื่องทำน้ำร้อน
ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง ถ้าใช้ไปนานๆ อาจเกิดสนิม ได้ โดยเฉพาะที่ฝังอยู่ในดิน อาจเป็นอันตราย ถ้านำน้ำในท่อ มารับประทาน

2. ท่อ PVC (PVC ย่อมาจาก Poly Vinyl Chloride ) ในไทย ส่วนใหญ่ มีความยาว 4 เมตร ยกเว้นท่อ PVC บางประเภท ซึ่งอาจยาว 3 หรือ 6 เมตรบ้าง แบ่งแยกการใช้ งาน ตามสีต่างๆ เช่น สีฟ้า สีเหลือง สีเทา หรือ สีขาว
ข้อดี น้ำหนักเบา (1/5 ของเหล็ก) ราคาถูกกว่า สามารถดัดงอได้ และ ไม่เกิดสนิมน้ำในท่อจะสะอาดกว่า
ข้อเสีย ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรงๆ ได้ ไม่ทน ต่อความดันและอุณหภูมิที่สูง
ข้อเสีย ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรงๆ ได้ ไม่ทน ต่อความดันและอุณหภูมิที่สูง
ชนิดของท่อพีวีซี (PVC.)
ท่อพีวีซี (PVC.) แบ่งตามชนิดการใช้งาน โดยใช้สี ดังนี้
1. ท่อสีเหลือง เป็นท่อสำหรับร้อยสายไฟฟ้า และสาย โทรศัพท์ เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้อย่างดี
2. ท่อสีฟ้า เป็นท่อที่ใช้กับระบบน้ำ เช่น น้ำดี น้ำเสีย และการระบาย สามารถทนแรงดันน้ำได้มากน้อยตามประเภท การใช้งาน (มีหลายเกรด)
1. ท่อสีเหลือง เป็นท่อสำหรับร้อยสายไฟฟ้า และสาย โทรศัพท์ เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้อย่างดี
2. ท่อสีฟ้า เป็นท่อที่ใช้กับระบบน้ำ เช่น น้ำดี น้ำเสีย และการระบาย สามารถทนแรงดันน้ำได้มากน้อยตามประเภท การใช้งาน (มีหลายเกรด)
ท่อ PVC สีฟ้า
เป็นท่อใช้งานสำหรับ ระบบน้ำดื่ม หรือ งานท่อระบายน้ำ มีความหนาตามระดับการรับแรงดัน ตั้งแต่ ชั้น PVC 5 ,8.5 และ 13.5 ตาม มาตรฐาน มอก.17-2532 ชั้นหนาสุดก็คงเป็น PVC 13.5 ซึ่งมักใช้กับปั๊มน้ำแรงดันสูงส่งน้ำระยะไกล
ตัวเลข13.5 เป็นค่าแรงดันใช้งาน มีหน่วยเป็น kgf/cm2
ในไทยมีบริษัทหลายบริษัท ผลิต ท่อ ขึ้นมาขาย ซึ่งมีตั้งแต่ บริษัทขนาดใหญ่ ตั้งแต่ ท่อน้ำไทย นวพลาสติกฯ CP และบริษัท อื่นๆมากมาย ท่อน้ำไทย จะผลิตท่อ มา 3 เกรด 3 ยี่ห้อ โดยมีตราของ ท่อน้ำไทยประทับไว้บนท่อ คือ ท่อน้ำไทย Hilon และ ท่อโพลี ส่วน นวพลาสติก ก็ผลิตท่อ 2 เกรด 2 ยี่ห้อ คือ ตราช้าง และ ตราเสือ
ท่อเกรดดีๆ คงเป็น ท่อเกรด ท่อน้ำไทย และ ตราช้าง รองลงมาก็ เสือ และ Hilon ส่วนอื่นๆ ก็รองลงมา ตามส่วนผสมของวัสดุ ที่ผสมเข้าไป
เป็นท่อใช้งานสำหรับ ระบบน้ำดื่ม หรือ งานท่อระบายน้ำ มีความหนาตามระดับการรับแรงดัน ตั้งแต่ ชั้น PVC 5 ,8.5 และ 13.5 ตาม มาตรฐาน มอก.17-2532 ชั้นหนาสุดก็คงเป็น PVC 13.5 ซึ่งมักใช้กับปั๊มน้ำแรงดันสูงส่งน้ำระยะไกล
ตัวเลข13.5 เป็นค่าแรงดันใช้งาน มีหน่วยเป็น kgf/cm2
ในไทยมีบริษัทหลายบริษัท ผลิต ท่อ ขึ้นมาขาย ซึ่งมีตั้งแต่ บริษัทขนาดใหญ่ ตั้งแต่ ท่อน้ำไทย นวพลาสติกฯ CP และบริษัท อื่นๆมากมาย ท่อน้ำไทย จะผลิตท่อ มา 3 เกรด 3 ยี่ห้อ โดยมีตราของ ท่อน้ำไทยประทับไว้บนท่อ คือ ท่อน้ำไทย Hilon และ ท่อโพลี ส่วน นวพลาสติก ก็ผลิตท่อ 2 เกรด 2 ยี่ห้อ คือ ตราช้าง และ ตราเสือ
ท่อเกรดดีๆ คงเป็น ท่อเกรด ท่อน้ำไทย และ ตราช้าง รองลงมาก็ เสือ และ Hilon ส่วนอื่นๆ ก็รองลงมา ตามส่วนผสมของวัสดุ ที่ผสมเข้าไป
ท่อสีเทา เป็นท่อที่ใช้สำหรับการเกษตร หรือน้ำทิ้ง ก็ได้ ราคาค่อนข้างถูก ไม่ค่อยแข็งแรง ควรจะเดินลอย ไม่ควร ฝังดิน คุณภาพที่ดี ก็มีของ ตราช้าง รองลงมา ก็เป็น ท่อ สีเขียวขี้ม้า ชื่อ OK ของ ตราช้าง เช่นเดียวกับท่อเทาเกษตรของ ท่อน้ำไทย ใช้ชื่อว่าท่อ 5 ดาว ค่อนข้างแข็ง และกรอบเร็ว นอกจากนี้ก็มีท่อเกษตร ยี่ห้ออื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นของ อริยะ CP TSD เป็นต้น

3. ท่อไซเลอร์ ภายนอกเป็นท่อเหล็ก GSP. ภายในเป็นท่อ PE.
ข้อดี มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันได้มากกว่า 20 บาร์ และอุณหภูมิสูง ถึง 95 องศา ไม่เป็นสนิม เหมาะสำหรับ ใช้ติดตั้งใน โรงแรม อาคารขนาดใหญ่ สถานที่ ๆ ต้องการความทนทานสูง หรือสถานที่ ที่ยากต่อการซ่อมแซม
ข้อเสีย ราคาสูง

4. ท่อพีพีอาร์ เกิดจากการ Random Copolymer Polypropylene ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง(Thermo Plastic) ที่นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้น พัฒนาทางด้านเทคโนโลยีระบบท่อประปาพลาสติกภายใต้คุณสมบัติด้านฟิสิกส์ และเคมีทำให้ท่อพลาสติกที่ทำด้วยวัสดุพิเศษ
ข้อดี การเชื่อมต่อระหว่างท่อ กับข้อต่อ ใช้วิธีการให้ความร้อน โดยคุณสมบัติพิเศษของจึงทำให้ท่อและข้อต่อสามารถเชื่อมผสานกันเป็นเนื้อ เดียว จึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาการรั่วซึม ที่บริเวณจุดต่อเชื่อมระหว่างท่อและข้อต่อ ทนอุณหภูมิได้สูง ถึง 95 องศา แข็งแรง ทนแรงดันได้สูงถึง 20 บาร์ อายุการใช้งาน ยาวนานกว่า 50 ปี ไม่เป็นสนิม สะอาด สามารถใช้เป็นท่อน้ำดื่มได้ เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งใน บ้านพักอาศัย คอนโด ตึกแถว อาคารขนาดเล็ก ขนาดใหญ่
ข้อเสีย ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรง ๆ ไม่เหมาะกับการติดตั้งใต้พื้นดิน หรือพื้นคอนกรีตที่มีการทรุดตัวมาก

5. ท่อ PE - Poly Ethylene ท่อโพลีเอทิลีน (HDPE) เป็นวัสดุทางเคมีที่มีค่าความหนาแน่นสูง "ไม่น้อยกว่า 950 Kg/m3" ที่มีคุณสมบัติทางเคมี,ไฟฟ้าและทางกลที่ดีเยี่ยม สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้เป็นวัสดุที่เหมาะสม กับสภาวะการใช้งานในวงการต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งท่อโพลีเอทิลีน หรือ เอชดีพีอี หรือบางหน่วยงานก็เรียกว่า ท่อพีอี PE นั้น ก็คือท่อโพลีเอทิลีน (HDPE) ที่ผลิตจากวัสดุโพลีเอทิลีนที่มาจากขั้นตอนทางเคมีทั้งสิ้น
- น้ำหนักเบา 1/5 ของท่อเหล็ก สะดวกในการเคลื่อนย้าย
- ยืดหยุ่นได้ดี ทนแรงกระแทก
- ไม่มีสารพิษ
- ขดเป็นม้วนได้ (ยาวสูงสุดได้ถึง 400 เมตร)
- ทนสารเคมี อายุการใช้งานยาวนาน
- ยืดหยุ่นได้ดี ทนแรงกระแทก
- ไม่มีสารพิษ
- ขดเป็นม้วนได้ (ยาวสูงสุดได้ถึง 400 เมตร)
- ทนสารเคมี อายุการใช้งานยาวนาน
หลักการออกแบบท่อเมนระบบน้ำเพื่อการเกษตร
1.เริ่มต้นด้วยขนาดของพื้นที่การทำเกษตรเช่น พื้นที่ 1ไร่,2ไร่และพื้นที่มากกว่า5ไร่ยิ่งพื้นที่มากระยะส่งน้ำไกลและเป็นการจ่ายน้ำจากจุดเดียว ท่อเมนต้องใหญ่ส่วนมากเป็นท่อเมนขนาด3นิ้ว ปั๊มขนาด3แรงม้าขึ้นไป หรือเป็นท่อเมนPVCขนาด2นิ้วแต่ต่อระบบลูปก็สามารถช่วยลดแรงดันในเส้นท่อและภาระโหลดของมอเตอร์ได้ แต่ต้องใช้วิธีปิด-เปิดโซนพื้นที่มากนิดหนึ่ง ซึ่งจะเสียเวลาการทำงานของเกษตรกรดังนั้นจึงแนะนำปั๊มน้ำมากกว่า3แรงม้า
2.ชนิดของพืชที่จะปลูกในกรณีที่เป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่นปลูกข้าวโพด5ไร่ ปลูกส้มเขียวหวาน10ไร่ ปลูก ปลูกมะเขือหรือพริก 5ไร่ เป็นต้น ซึ่งการออกแบบระบบน้ำไม่ค่อยจะพบปัญหา แต่ปัญหาเรื่องแรงดันน้ำและระยะการจ่ายน้ำรวมถึงปริมาณน้ำจะพบเมื่อเกษตรกรออกแบบระบบเป็นสวนเกษตรผสมผสานซึ่งต้องมีการจัดโซนพื้นที่ในการจ่ายระบบน้ำให้กับพืชแต่ล่ะชนิดซึ่งต้องการปริมาณน้ำไม่เท่ากัน แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยการยกร่องแปลงปลูก อาจเป็นขนาดกว้าง3-6เมตรเป็นต้น
3.แหล่งน้ำ ในระบบการทำเกษตรระบบน้ำเป็นปัจจัยสำคัญดังนั้นเกษตรกรต้องสำรวจพื้นที่แหล่งน้ำว่ามีปริมาณมากเพียงพอต่อความต้องการใช้นำในสวนเกษตรผสมผสานของเกษตรกร ในกรณีที่คาดว่าจะมีน้ำไม่พอเพียงเกษตรกรต้องทำระบบเก็บน้ำให้เหมาะสมถ้าไม่มีน้ำเพียงพอ อย่างทำไม่เช่นนั้นความเสียหายจะตามมา
ข้อคิดในการออกแบบท่อเมน ระบบน้ำทางการเกษตร
1.เลือกขนาดปั๊มให้เหมาะสมกับพื้นที่แต่ในที่นี้เกษตรกรต้องมองถึงส่วนต่อขยายในกรณีที่ยังมีพื้นที่ที่ยังได้ไม่ทำการเกษตร เช่น พื้นที่การเกษตร1ไร่ แต่มีพื้นที่ที่คิดจะขยายเพิ่มเป็น5ไร่เกษตรกรก็ควรใช้ปั๊มขนาด2-3แรงม้าเป็นต้น
2.การวางระบบท่อน้ำต้องให้สมมาตรกันเสมอ โดยคำนึงถึงขนาดของพื้นที่และท่อย่อย เช่น ท่อย่อยขนาด1นิ้วด้านขวายาว 40เมตรท่อย่อยด้านซ้ายก็ควรเป็น40เมตรเช่นกันเพื่อรักษาระบบแรงดันในท่อย่อย
3.คำนึงถึงต้นทุน ในการลงทุนใดๆต้องคิดให้รอบคอบ ในกรณีที่ใช้ท่อเมนเป็นท่อพีวีซีเกษตรกรสามารถที่จะใช้ของเก่าหรือของมือสองได้เนื่องจากท่อพีวีซีมีอายุการใช้งานที่ยาวนานโดยเฉพาะท่อชนิดหนาทนแรงดันสูง
4.ท่อน้ำใดๆที่เป็นท่อเมนต้องติดตั้งอุปกณ์กันกระแทกของน้ำเสมอ เพื่อป้องกันปั๊มน้ำและอุปกรณ์ของระบบน้ำทางการเกษตรเสียหาย ชำรุด หรือหลุดนั้นเอง
5.ด้านปลายของท่อเมนระบบน้ำทางการเกษตรต้องมีวาล์วน้ำ1ตัวเสมอเพื่อเอาไว้ไล่ตะกอนหรือตะไคร่น้ำที่ตกค้างภายในท่อเมนและเผื่อสำหรับส่วนต่อขยาย
6.ท่อเมนเมื่อต่อระบบเข้ากับท่อย่อยแล้วก็ควรฝังกลบเพื่อง่ายต่อการทำการเกษตรของตัวเกษตรกรเองยกเว้นวาล์วเปิดปิดน้ำอันนี้เกษตรกรไม่ต้องฝังกลบ
7.เกษตรกรต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้อุปกรณ์ระบบน้ำในจุดต่างๆโดยเฉพาะหัวจ่ายน้ำเนื่องจากพืชผัก ไม้สวน ไม้ดอกแต่ล่ะชนิดต้องการปริมาณน้ำไม่เท่ากัน น้ำคือชีวิตเป็นหัวในการทำการเกษตรกรรม การควบคุมปริมาณน้ำใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชและการประหยัดน้ำนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำ

จากภาพที่1 แหล่งจ่ายเป็นปั๊มน้ำขนาด 2แรงม้าจ่ายเข้าท่อเมนพีวีซีขนาด 2 นิ้ววางระบบผ่านกลางพื้นที่ทางด้านน้ำเข้าติดตั้งอุปกณ์ลดแรงกระแทกของน้ำเพื่อป้องกันแรงกระแทกของน้ำในระบบจากการเปิดและปิดปั๊มน้ำ จ่ายน้ำเข้าท่อย่อยทั้งสองด้านซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ท่อ PEและหัวจ่ายเป็นแบบมินิสปริงเกอร์หรือหัวฉีดฝอย

จากภาพที่2 เป็นแปลงผักขนาดพื้นที่1ไร่ แหล่งจ่ายเป็นปั๊มน้ำขนาด 2แรงม้าจ่ายเข้าท่อเมนพีวีซีขนาด 2 นิ้ววางระบบแนวขวางกับพื้นที่ จ่ายน้ำเข้าท่อย่อยตามแนวยาวของพื้นที่โดยใช้เป็นท่อPVCขนาด1นิ้วลักษณะติดตั้งเป็นแบบลูป ซึ่งในกรณีนี้ปั๊มน้ำขนาด2แรงม้า สามารถจ่ายให้กับท่อย่อยขนาด1นิ้วได้ไกล 40เมตรโดยที่แรงดันยังคงที่หรืออาจลดลงเล็กน้อย

จากภาพที่3 เป็นการวางระบบท่อน้ำทางการเกษตรที่มีพื้นที่มากกว่า 4ไร่ขึ้นไปในกรณีนี้เกษตรกรต้องใช้ปั๊มมากกว่า3แรงม้าขึ้นไปเพื่อต้องการให้การจ่ายน้ำมีปริมาณน้ำและแรงดันเพิ่มขึ้นเพื่อประหยัดเวลาในการทำงานของตัวเกษตรกรเองในกรณีนี้ท่อเมนอาจเลือกที่2หรือ3นิ้วก็ได้แต่ถ้าจะประหยัดท่อเมนขนาด2นิ้วก็เอาอยู่โดยลดท่อทางออกหน้าปั๊มจาก3นิ้วเป็น2นิ้ว
No comments:
Post a Comment