การออกแบบระบบน้ำเพื่อการเกษตร / ท่อแยก
ปกติแล้วท่อส่งน้ำทางการเกษตรสำหรับสวนเกษตรแล้วท่อเมนมักมีขนาดไม่เกิน3นิ้วปกติจะเป็น2นิ้วเนื่องจากด้วยเรื่องราคาซึ่งอัตราการไหลสูงสุดในท่อเมน2นิ้วนั้นประมาณ 12,000ลิตร/ชั่วโมง ก็ถือว่าผ่าน แต่กรณีที่เกษตรกรมีพื้นที่ทำเกษตรมากกว่า10ไร่ต้องใช้มอเตอร์ปั๊มน้ำอย่างน้อย3แรงม้าและท่อส่งน้ำขนาด3นิ้วเป็นท่อเมน หรือใช้มอเตอร์ปั๊มน้ำขนาด2แรงม้า จำนวน2ตัวในการจ่ายน้ำเข้าท่อเมนขนาด3นิ้ว เป็นต้น เนื่องจากปั๊มน้ำที่มีขนาด 5.5แรงม้าขึ้นไปจะใช้แหล่งจากไฟฟ้า380โวลต์ ในที่นี้จะกล่าวถึงท่อแยกคือท่อที่ต่อเชื่อมกับท่อเมน ก่อนที่จะผ่านท่อจ่ายน้ำต่อไป
ปัญหาแรงดันน้ำในท่อแยกไม่เท่ากัน

ปัญหาของเกษตรกรหลายๆท่านที่ออกแบบระบบน้ำเพื่อการเกษตรคือแรงดันที่หัวจ่ายน้ำแต่ล่ะจุดไม่เท่ากัน เช่น ต้นทางท่อแยกที่ต่อกับท่อเมนน้ำออกจากหัวจ่ายไปไกล2เมตร แต่ระยะปลายทางที่ห่างจากท่อเมน40เมตรน้ำออกที่หัวจ่ายไปไกลแค่1เมตร เป็นต้น ปัญหานี้ทำให้การปล่อยปุ๋ยหรือสารชีวภัณฑ์กำจัดแมลง ป้องกันโรคพืชไปกับระบบน้ำทำไม่ได้ และพืชที่ปลูกได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอกันทำให้โตไม่เท่ากัน ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการออกแบบระบบท่อแยกที่ใช้ระบบลูปเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแรงดันในท่อแยกไม่เท่ากัน
ระบบวงจร (Loop System)

ระบบวงจรเป็นระบบท่อน้ำที่เดินเป็นวงจรปิด ข้อดีคือจะมีการไหลของน้ำในเส้นท่อมีความสม่ำเสมอตลอดเวลาภายในท่อ ทำให้แรงดันในแต่ล่ะหัวจ่ายมีอัตราใกล้เคียงกัน ในที่นี้จะอธิบายว่าแรงดันที่หัวจ่ายแต่ล่ะจุดจะไม่เท่ากันเมื่อใช้อุปกรณ์วัดแรงดัน เนื่องจากท่อส่วนที่อยู่ใกล้จุดจ่าย(ท่อเมน)นั้นจะมีแรงดันมากสุดและแรงดันในเส้นท่อจะลดลงเรื่อยๆตามระยะความยาวตลอดเส้นท่อ แต่ก็มีความใกล้เคียงกันอยู่มากต่างกับระบบท่อปลายปิดซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าแรงดันในเส้นท่อลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดความยาวเช่นกัน
ท่อแยก PVC

จากภาพ เป็นการวางระบบน้ำในแปลงผักพื้นที่ขนาด1ไร่ ใช้มอเตอร์ปั๊มน้ำขนาด 2แรงม้า จ่ายน้ำผ่านท่อเมน PVCขนาด 2นิ้ว และผ่านท่อแยก PVC ขนาด1นิ้ว ก่อนที่จะจ่ายเข้าท่อจ่ายขนาด PVC ขนาด0.5นิ้วต่อไป ในระบบนี้ตำแหน่งปลายท่อPVCขนาด 1นิ้วเป็นการต่อวนลูปกัน1คู่ เพราะระบบนี้จะสามารถจ่ายน้ำได้เพียง2แปลง ในกรณีที่เกษตรกรใช้หัวจ่ายน้ำสปริงเกอร์แบบใบพัดหูช้าง และสามารถจ่ายน้ำได้มากกว่า2แปลงเมื่อใช้ระบบหัวจ่ายน้ำเป็นแบบมินิสปริงเกอร์
ท่อแยก PE

จากภาพ เป็นการวางระบบน้ำในแปลงผักพื้นที่2ไร่ ใช้มอเตอร์ปั๊มน้ำขนาด 2แรงม้า จ่ายน้ำผ่านท่อเมน PVCขนาด 2นิ้ว และผ่านท่อแยก PE ขนาด 25 มิลลิเมตร ก่อนที่จะจ่ายเข้าท่อจ่ายเป็นแบบท่อไมโครPEขนาด 4/7 มิลลิเมตร ต่อไป ในระบบนี้ตำแหน่งปลายท่อ PE ขนาด 25 มิลลิเมตร เป็นการต่อวนลูปกัน1คู่ เพราะระบบนี้จะสามารถจ่ายน้ำได้เพียง2แปลงหรือ1ลูป

จากภาพที่1
1.เป็นระบบการวางท่อที่ใช้ท่อ พีวีซีเพียงอย่างเดียวบนพื้นที่1ไร่ ใช้วงท่อซีเมนต์ขนาด100เซนติเมตรเชื่อมต่อกันเป็นที่เก็บน้ำ แหล่งจ่ายเป็นปั๊มน้ำขนาด2แรงม้า จ่ายผ่านท่อเมนพีวีซีชนิดท่อหนา ขนาด2นิ้วผ่านกลางพื้นที่
2.แปลงปลูกยกร่องสูง0.3เมตร กว้าง4เมตร ยาว35เมตร
3. ท่อย่อยเป็นท่อพีวีซีขนาดความโต1นิ้วยาว4เมตร/ท่อน ด้านจ่ายต่อกับท่อเมน ด้านปลายวนลูปกลับมาต่อกับแปลงปลูกแปลงที่2 ทุกๆ4เมตรของท่อแยกจะเป็นข้อต่อสามทางลด 1นิ้วไปท่อจ่ายขนาด0.5นิ้วต่อไป

จากภาพที่2
เป็นการวางระบบน้ำทางการเกษตรที่ใช้ท่อเมนเป็นท่อจ่ายน้ำหลักวางลักษณะขวางกับพื้นที่ ส่วนท่อแยกเป็นท่อ PE ขนาด20-25มิลิเมตร ในภาพความยาวท่อ PE ประมาณ70เมตรต่อเส้น จากท่อแยกจะจ่ายน้ำไปยังหัวจ่ายซึ่งมีลักษณะเป็นชุดมินิสปริงเกอร์ หรือชุดมินิสเปรย์ รวมถึงชุดพ่นหมอกได้ ท่อPEด้านเข้าและด้านออกต่อเข้าท่อเมนPVCขนาด2นิ้ว
การเลือกใช้ท่อย่อยชนิดใดนั้นเกษตรกรต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่จะปลูกเป็นหลัก ว่าเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อยหรือน้ำมาก ต้องการความชื้นหรือไม่ ขอบเขตของการรดน้ำการครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการ โดยปกติท่อแยกPVCขนาด1นิ้วจ่ายน้ำผ่านท่อจ่ายขนาด0.5นิ้วผ่านทางหัวสปริงเกอร์ปกติจะมีรัศมีน้ำ 2เมตร โดยประมาณ โดยใช้ปั๊มน้ำขนาด2แรงม้าเป็นเครื่องสูบน้ำ ส่วนท่อPEนั้นจะใช้กับมินิสปริงเกอร์เป็นหลักโดยรัศมีการจ่ายน้ำจะไม่เกิน 1.5เมตรจากหัวจ่ายเกษตรจึงมักใช้กับพืชที่ต้องการน้ำเฉพาะจุด หรือติดตั้งให้ถี่ขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในกรณีที่ต้องการติดตั้งในแปลงผักสวนครัว
No comments:
Post a Comment