การออกแบบระบบน้ำเพื่อการเกษตร / ท่อจ่ายน้ำ
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการออกแบบระบบน้ำในทางการเกษตร โดยจะมุ่งเน้นที่การปฏิบัติการติดตั้งระบบใช้งานจริงจะไม่มีการคำนวณระบบมากมายจนเกษตรกรหลายๆท่านไม่เข้าใจ โดยมีข้อกำหนดดังนี้
ในการออกแบบระบบน้ำเพื่อการเกษตรมีระบบท่อดังนี้
1.ท่อเมนหรือท่อประธาน เป็นท่อจ่ายน้ำหลักโดยมีมอเตอร์เป็นแหล่งพลังงานสูบอัดน้ำเข้าท่อเมน ซึ่งในกรณีที่พื้นที่เกษตรมากกว่า10ไร่ท่อประธานจะถูกออกแบบหรือวางในรูปลูป เพื่อชดเชยแรงดันที่เสียไปจากการจ่ายน้ำในท่อแยกหรือท่อรองประธาน ระบบลูปนี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถให้น้ำแก่พืชได้หลายๆจุดพร้อมกันเป็นการประหยัดเวลาในการทำงาน ปกติเกษตรกรมักใช้ ท่อเมนขนาด 2-3นิ้ว เป็นแบบ PVC และ HDPE
2.ท่อแยกหรือท่อรองประธาน เป็นท่อน้ำที่ต่อเชื่อมกับท่อเมนและเช่นกันเพื่อรักษาแรงดันในท่อจ่ายน้ำและหัวจ่ายให้เท่ากันตลอดแนวเส้นท่อแยกควรวางระบบท่อเป็นลูปเช่นกัน ปกติเกษตรกรมักใช้ท่อแยกขนาด1นิ้ว เป็นแบบ PVC และ LDPE ขนาด16,20,25มิลลิเมตร เป็นต้น
3.ท่อจ่ายน้ำเพื่อจ่ายน้ำไปยังหัวจ่าย เป็นท่อท่อเชื่อกับท่อแยกและหัวจ่ายน้ำ ปกติเกษตรกรมักใช้ท่อจ่ายขนาด0.5นิ้ว เป็นแบบ PVC และ สายไมโคร PE ขนาด 4/7,3/5 มิลลิเมตร เป็นต้น

จากภาพที่1 แหล่งจ่ายน้ำเป็นปั๊มน้ำมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด2แรงม้าจ่ายน้ำผ่านท่อเมนPVCขนาด2นิ้ว ความยาวสูงสุดได้ไม่เกิน 150เมตร จ่ายน้ำผ่านท่อแยกPVCขนาด1นิ้ว ลักษณะการต่อท่อแยกเป็นแบบวนลูปความยาวรวมตลอดเส้นประมาณ80-120เมตร จากท่อแยกไปท่อจ่ายPVCขนาด0.5นิ้ว ความยาวสูงสุดไม่เกิน 1.5เมตร เวลาเปิดใช้งานจะเปิดวาล์วน้ำทั้งสองจุดส่วนท่อแยกอื่นๆจะปิดวาล์วเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ความดันในระบบท่อแยกขนาด1นิ้วเท่ากันทุกจุดขณะที่จ่ายน้ำผ่านท่อจ่าย ส่วนท่อจ่ายน้ำขนาด0.5นิ้วจะติดตั้งระยะห่างแต่ละจุด4เมตร ความสูง1เมตร ปกติท่อน้ำPVCจะยาว4เมตรดังนั้น1เส้นจึงตัดได้4ท่อน ตลอดเส้นของท่อจ่ายทั้งลูปสามารถติดตั้งหัวจ่ายน้ำสปริงเกอร์ได้ 20-25จุด รัศมีการจ่ายน้ำ2-3เมตร ในกรณีที่เกษตรกรติดตั้งสปริงเกอร์มากกว่านี้แรงดันที่หัวจ่ายและรัศมีของน้ำจากลดลงมาอาจอยู่ที่1-1.5เมตร เหมาะกับแปลงปลูกผักทั่วไป
ในกรณีที่เกษตรกรเลือกใช้หัวจ่ายน้ำเป็นแบบมินิสเปรย์หรือมินิสปริงเกอร์ สามารถใช้ความยาวได้มากกว่าหัวสปริงเกอร์แบบหูช้างแต่ก็มีข้อเสียคือจะใช้เวลาในการรดน้ำที่นานขึ้นและรัศมีของน้ำที่ผ่านหัวจ่ายจะลดลงไม่เกิน1.5เมตร
ในกรณีที่เกษตรกรเลือกปั๊มน้ำไฟฟ้าขนาด3แรงม้าใช้ท่อเมน3นิ้วระยะของท่อเมนจะยาวได้ถึง250เมตร หรือในกรณีต่อท่อเมนแบบลูปจะได้ปริมาณในการจ่ายน้ำไปยังท่อแยกได้เพิ่มขึ้น

จากภาพที่2 แหล่งจ่ายน้ำเป็นปั๊มน้ำมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด2แรงม้า ท่อเมนPVCขนาด2นิ้ว จ่ายน้ำผ่านท่อแยกPEขนาด20มิลลิเมตรโดยเดินท่อPEแบบวนลูปการเดินท่อลักษณะนี้ท่อPEสามารถยาวตลอดเส้นลูปได้100-150เมตร หรือความยาวท่อ 50เมตรแบ่งเป็น2ชุด จากท่อแยกไปท่อจ่ายน้ำไมโครPEขนาด4มิลลิเมตรเพื่อจ่ายน้ำไปยังหัวจ่ายที่เป็นมินิสปริงเกอร์ต่อไป การติดตั้งท่อไมโครPEขนาด4มิลิเมตรนี้มีระยะห่างกัน 2เมตรที่ความยาวของท่อจ่ายประมาณ1-2เมตร ตลอดเส้นสามารถติดตั้งได้ประมาณ 80-100จุดโดยที่แรงดันในเส้นท่อยังคงที่ หัวมินิสปริงเกอร์ มีขาปักสามารถกำหนดจุดจ่ายน้ำได้ สามารถจ่ายน้ำได้รัศมี1-1.5เมตร เหมาะกับการปลูกพืชหรือไม้ยืนต้นที่ต้องการจ่ายน้ำเฉพาะจุด

จากภาพที่3 แหล่งจ่ายน้ำเป็นปั๊มน้ำมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด2แรงม้า ท่อเมนPVCขนาด2นิ้ว จ่ายน้ำผ่านท่อแยกPEขนาด20มิลลิเมตรโดยเดินท่อPEแบบวนลูปการเดินท่อลักษณะนี้ท่อPEสามารถยาวได้150-200เมตร หรือความยาวท่อ 100เมตรแบ่งเป็น2ชุด ระบบนี้จะไม่มีท่อจ่ายแต่จะติดตั้งมินิสปริงเกอร์บนท่อPEโดยตรง ระยะห่างระหว่างจุดประมาณ2เมตร รัศมีของน้ำจากหัวจ่ายมินิสปริงเกอร์ประมาณ1-1.5เมตร สามารถติดตั้งได้ 150จุดตลอดเส้น กรณีที่ที่ติดตั้งน้อยกว่านี้น้ำที่จ่ายผ่านหัวมินิสปริงเกอร์จะเป็นละอองหมอกเนื่องจากแรงดันของปั๊มนั้นเอง เหมาะสำหรับปลูกพืชยืนต้นเช่นกัน
ข้อดีของระบบที่2และ3คือปริมาณหัวจ่ายน้ำในระบบมินิสปริงเกอร์สามารถปรับรัศมีของน้ำให้จ่ายแบบน้ำหยดหรือควบคุมระยะของรัศมีน้ำได้โดยควบคุมระยะการปิด-เปิดของวาล์วน้ำจาก0-100% เช่น เมื่อเปิดวาล์วจ่ายน้ำ100%รัศมีน้ำที่หัวจ่าย1.5เมตร และเมื่อเปิดวาล์วจ่ายน้ำ 50%รัศมีการจ่ายน้ำที่หัวจ่ายเป็น0.8เมตร หรือเปิดวาล์วจ่ายน้ำ10%ก็จะกลายเป็นระบบน้ำหยดในกรณีที่ขาดแคลนน้ำในระบบ เป็นต้น
จากทั้ง3แบบในการออกแบบระบบท่อจ่ายน้ำนั้นเป็นแนวทางในการที่เกษตรกรจะปรับใช้ต่อไป ในการติดตั้งระบบจริงหัวจ่ายน้ำมีความสำคัญและมีชนิดให้เลือกเพื่อความเหมาะสมอีกมากมายให้เกษตรกรพิจารณาให้เหมาะสมกับรูปแบบพืชผักในสวนตนเองมากที่สุด
No comments:
Post a Comment